
งานขนส่งสินค้า last mile นั้นมีความสำคัญมาก ว่ากันว่าสำคัญกว่าการส่งสินค้าไปที่หน้าร้าน หรือ สาขาเสียอีก นั้นเพราะการเติบโตของ ecommerce มีมากขึ้นตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ไหนจะการแพร่ระบาดของ Covid-19 อีก ทำให้ ecommerce ยิ่งโตขึ้นไปอีก การขนส่ง last mile เลยมียอดพุ่งสูงหลายเท่าตัว
พนักงานขับรถ ถือเป็นทัพหน้าในการขนส่งสินค้า การขนส่งสินค้าจะมีคุณภาพหรือไม่ ต้องอาศัยทั้งการวางแผนที่ดี และ การทำงานอย่างถูกต้อง ทีมงานจะต้องมีความเข้าใจในการขนส่งสินค้าที่พนักงานขับรถต้องเจอ ไหนจะมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และ มึความยากต่าง ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ความคาดหวังของลูกค้าสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากเดิมที่ขนส่งภายใน 3 – 5 วัน เพิ่มมาให้ส่งภายในวันรุ่งนี้ ยากขึ้นไปอีกคือ การขนส่งแบบระบุช่วงเวลา ความกดดันต่าง ๆ มากมาย ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนพนักงานขับรถโดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา
Last Mile Success Depends on Truckers More Than Anything Else
การขนส่ง last mile จะสำเร็จได้ พนักงานขับรถนี่แหละสำคัญกว่าอะไรทั้งนั้น
หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าแค่ส่งตรงเวลาก็จบ แต่ถ้าส่งไม่ตรงเวลาขึ้นมาละ ??? แน่นอนว่านอกจากลูกค้าไม่พอใจแล้ว ความรับผิดชอบจะถูกส่งมาหาพนักงานขับรถก่อนเลย ว่าทำไมถึงส่งไม่ทัน แต่น้อยคนจะมองไปถึงว่าเพราะ การวางแผนเองก็ทำให้ส่งไม่ทันได้ เพราะส่วนใหญ่ ก็จะมองแต่ต้นทุนที่ถูกที่สุด ถูกที่สุดมาจากการส่งของได้เยอะ ๆ ในภายในรถ 1คัน ทำให้ของที่บรรทุกไปนั้นมันเยอะเกินไป ต้องส่งหลายที่เกินไป จนทำให้ส่งของไม่ตรงเวลา
ใน ecosystem ของการขนส่ง last mile นั้น พนักงานขับรถไม่ได้มุ่งหน้าไปที่คลังเพื่อขนถ่ายสินค้า แต่ไปที่บ้านของลูกค้าและมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ซึ่งนั่นส่วนหนึ่งของลักษณะงานของพวกเขา
ยิ่งไปกว่านั้น ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ การขนส่งสินค้าเทกอง และ ecommerce จะเพิ่มความตึงเครียดให้กับพนักงานขับรถ โชคดีที่การทำงานร่วมกันระหว่างระบบต่าง ๆ และ ความเข้าใจกันและกันสามารถช่วยให้การบริการลูกค้าดีขึ้น และ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพนักงานขับรถ ซึ่งเป็นบุคคลากรที่สำคัญได้อีกด้วย
หนทางเดียวที่จะก้าวไปข้างหน้าได้ คือ การให้ความสำคัญกับพนักงานขับรถ และ ความเข้าใจบทบาทของเขาใน Supply Chain
How to Improve Relations With Final Mile Service Truckers
จะพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีกับพนักงานขับรถได้อย่างไร
การมอบรางวัลหรือเปล่า ??? ก็อาจจะใช่ แต่ก็วิธีการอื่นที่ง่าย และ เพียงอาศัยข้อมูล และ ข้อเท็จจริงก็เพียงพอแล้ว
- มีความชัดเจนในสินค้าที่ต้องส่วมอบ
- ให้รางวัลหากทำงานได้ดี เช่น โบนัส , การยอมรับในบริษัท และ อื่น ๆ
- ใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อให้การแจ้งเตือนแก่พนักงานขับรถ ถึงความล่าช้า และ ความต้องการที่อาจเกิดขึ้นในขณะขนส่ง
- ยกระดับ telematics (เทคโนโลยีที่ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมการขับรถ) เพื่อทำความเข้าใจแนวโน้มการขนส่งสินค้า เช่น เวลาเฉลี่ยในการจัดส่งสินค้าในลักษณะต่าง ๆ
- มีความเห็นอกเห็นใจ จัดหาอุปกรณ์ที่จำเป็น เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่
- กำหนดผลประโยชน์ หรือ ค่าตอบแทนที่สอดคล้องกับงาน รวมถึงครอบคลุมด้านความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการปฏิบัติงาน
- เลือกทำงานกับผู้รับเหมาขนส่งที่ดูแลพนักงานขับรถของเขาอย่างเหมาะสม
- ใช้ TMS (Transportation Management System) ในการวางแผนการขนส่งที่เหมาะสม ไม่โหลดงานให้พนักงานขนเกินไป ในขณะเดียวกันยังทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสินค้าดีขึ้นด้วย
ความภูมิใจในงานขนส่ง
หนึ่งในความสำเร็จของ SCG Logistics ในเรื่องพนักงานขับรถ คือ การที่เราดูแลเขาอย่างดี ทำดีมีรางวัลให้ ในขณะเดียวกันหากไม่ทำตามกติกา ก็ต้องมีการตักเตือน หรือ ลงโทษตามความเหมาะสม สิ่งที่เรามุ่งหวังจากพนักงานขับรถอย่างมาก คือ การเป็นสุภาพบุรุษบนท้องถนน เราต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของพนักงานขับรถในประเทศไทย จากสิงรถบรรทุก เป็น สุภาพบุรุษนักขับ (Smart Driver)
โครงการสุภาพบุรุษนักขับ นอกจากจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ สร้างแรงจูงใจในการทำงานที่ดีกับพนักงานขับรถแล้ว ยังทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจในงาน และ อาชีพของตนอีกด้วย
เรียบเรียงโดย : Blog.SCG Logistics
อ้างอิงบทความ และ ภาพจาก : cerasis.com, freepik.com