
__________________________________________________
การมีเว็บไซต์ในปัจจุบัน สามารถทำให้คุณเข้าถึงกลุ่มลุกค้าเป้าหมาย สร้างโอกาสทางธุรกิจ และ ความน่าเชื่อถือได้ แต่หากเว็บไซต์ของคุณไม่ user-friendly ต่อให้เสียเงินโฆษณามากแค่ไหน
ก็เสียเงินเปล่า
__________________________________________________
คำว่า User-Friendly แสดงถึง User Experience หรือ ประสบการณ์ของลูกค้าที่มีต่อเรา มันคือศิลปะในการที่จะทำให้เว็บไซต์ของเรานั้นเรียบง่าย และ ใช้งานได้ง่าย โดยอาศัยการเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า มีข้อมูลเชิงลึกว่าอะไรที่ทำแล้วได้ผล แล้วอะไรที่ทำไปก็เสียแรงเปล่า
User-friendly คืออะไร ?
จากผลงานวิจัยของ HubSpot.com เปิดเผยว่า เมื่อพูดถึงปัจจัยที่สำคัญที่สุดในเว็บไซต์ กว่า 75% ของผู้ให้สัมภาษณ์ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ พวกเขาต้องหาข้อมูลที่ต้องการจากเว็บไซต์ได้ง่าย ” ดังนั้นถ้าเว็บไซต์ของคุณมีโครงสร้างที่ซับซ้อน เนื้อหาเข้าใจยาก หรือ มีการออกแบบเว็บไซต์ที่ใช้งานได้ยาก แสดงว่าเว็บไซต์ของคุณนั้นไม่ได้ทำตามวัตถุประสงค์ของมันที่ควรจะเป็น และจะส่งผลให้คุณเสียลูกค้าได้
1. โหลดเร็ว
ถ้าหากเว็บของคุณนั้นใช้เวลาเกิน 5 วินาที ในการโหลด ใช่แล้วครับ แค่ 5 วินาที !!! แสดงว่าเว็บของคุณนั้นยังไม่
user-friendly มากพอ ยิ่งไปกว่านั้นยังส่งผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ของ Google อีกด้วย
ควรหลีกเลี่ยง วิดีโอ รูปภาพ หรือ ปลั๊กอินต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็น เอาเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ หรือ เนื้อหาในหน้านั้น ๆ เท่านั้น
2. ใช้งานผ่านมือถือได้
เมื่อก่อนการออกแบบเว็บไซต์ ให้ใช้งานได้ดีผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นมาตรฐานในการทำเว็บไซต์ แต่ปัจจุบันเราต้องให้ความสำคัญกับการใช้งานเว็บไซต์ผ่านโทรศัพท์มือถือด้วย เป็นหน้าที่ของ Designer ในการทดสอบเว็บไซต์ของเขาว่าสามารถใช้งานผ่านทั้งหน้าจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือได้ดีหรือไม่ ซึ่งมีเครื่องมือต่าง ๆ ที่สามารถนำมาช่วยทดสอบได้ แม้ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ก็ได้
3. มีโครงสร้างเว็บไซต์ที่ดี
หากเว็บไซต์ดูไม่มีการจัดแจง ดูยุ่งเหยิง ลูกค้าอาจพบว่ามันยุ่งยากที่จะได้รับข้อมูลที่ต้องการจากเว็บไซต์
ควรจะออกแบบแผนผังเว็บไซต์ให้มีความเรียบง่าย มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกันกับเว็บไซต์ มีส่วนเชื่อมต่อไปยังส่วนต่าง ๆ ที่เหมาะสม เช่น มีปุ่ม Call-to-Action ไปยังส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ และ การออกแบบหน้าตาเว็บไซต์ควรใช้ธีมเดียวกัน เพื่อไม่ให้ลูกค้าเกิดความสับสน
4. ความคงเส้นคงวา
เว็บไซต์ที่คุณดูแลอยู่ควรเป็น user-centric คือ มันจะต้องถูกออกแบบมา ไม่ว่าจะหน้าตาเป็นอย่างไรก็ตาม ต้องคำนึงถึงพฤติกรรมของลูกค้า ทางเลือก ความชอบ และ ความสะดวกของลูกค้า
ลูกค้าจะรู้สึกสบายใจเมื่อเขาพบว่าในแต่ละส่วนของเว็บไซต์มีความคงเส้นคงวา เนื้อหาเกี่ยวข้อง ดังนั้นหน้าที่ของเราในฐานะผู้ที่ดูแลเว็บไซต์ หรือแม้แต่เป็นเจ้าของธุรกิจ จะต้องรักษาความคงเส้นคงวาของเว็บไซต์เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขององค์ประกอบต่าง ๆ การออกแบบ แนวทางการใช้ภาษา สี ฟ้อนต์ หรือ การนำทางไปยังส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ (ไม่ได้หมายความว่าเราจะปรับเปลี่ยนเว็บไซต์ไม่ได้ แต่อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ถ้าปรับแล้วลูกค้ายังใช้งานได้อย่างสะดวกอยู่ หรือ สะดวกยิ่งขึ้น ก็ควรทำ)
5. การออกแบบสวยงาม
การออกแบบหน้าตาของเว็บไซต์เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เว็บของคุณมีความ user-friendly มากขึ้น ซึ่งการออกแบบในที่นี้หมายถึง การเลือกใช้สี รูปภาพ ฟ้อนต์ และ องค์ประกอบอื่น ๆ เพื่อปรับปรุงให้ลูกค้ามีประสบการณ์กับเว็บไซต์ที่ดี แต่การออกแบบองค์ประกอบเว็บไซต์ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นพร้อมกันนั้นต้องอาศัย พื้นที่สีขาว ลายเส้น รูปทรง และ การแสดงลำดับชั้นระหว่างรายการต่าง ๆ อย่างชาญฉลาด
หากคุณอ่านแล้วยังไม่เข้าใจ ผมขอสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ เลยครับ ว่าคุณควรจะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง และ เว็บไซต์ของคุณนั้นต้อง user-friendly ด้วย เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกค้าของคุณเข้ามาในเว็บไซต์ พวกเขาจะต้องไม่เกิดสับสนไม่ว่าจะเป็น เนื้อหา การโหลด สี หรือ อะไรก็ตาม ซึ่งหากลูกค้าเกิดความสับสนหรือรู้สึกว่าเว็บไซต์ของคุณใช้งานยากเมื่อไหร่ พวกเขาจะออกจากเว็บ (ส่งผลให้ Bounce Rate สูง และ มี Time spent on page ต่ำ) และ google ก็จะมองว่าเว็บไซต์ของคุณไม่มีคุณภาพ เวลาลูกค้าคนหาใน Google ก็จะไม่เจอเว็บไซต์ของคุณนั่นเอง
เรียบเรียงโดย BLOG.SCGLogistics
อ้างอิงบทความจาก charleygrey.com
อ้างอิงรูปภาพจาก freepik.com, biznology.com, rainmakerinternetmarketing.com, citrusbits.com